ผู้พิพากษา

คุณสมบัติก่อนสอบเป็น ผู้พิพากษา

  1. ต้องมีอายุมากกว่า 25 ปี
  2. ต้องเป็นคนสัญชาติไทยตั้งแต่เกิด
  3. จบคณะนิติศาสตร์บัณฑิต
  4. ไม่เคยโดนไล่ออกจากข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ

ความถูกต้อง

ผู้พิพากษา เป็นอาชีพที่ทรงเกียรติและเป็นอาชีพที่สามารถตัดสินสิ่งต่างๆได้โดยให้อยู่ในขอบเขตของความถูกต้อง และความยุติธรรมดังนั้นการจะตัดสินอะไรจะต้องใช้ความคิดพิจารณาถึงความเหมาะสม และความถูกต้องหลายๆ ครั้งเพราะการตัดสินจะทำให้ชีวิตของใครเสียหายไปเลยก็ได้ดังนั้นต้องทำอยู่ในพื้นฐานสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมเท่านั้น เป็นสิ่งที่ผู้พิพากษานั้นควรมีซึ่งจะมีอำนาจทางกฎหมายเพื่อไว้ลงโทษผู้ที่กระทำความผิด ซึ่งไม่ใช่ว่าจะลงโทษอะไรก็ได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานที่ปรากฏในรูปคดีเท่านั้น การจะมาเป็นผู้พิพากษานั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ความพยายามและความสามารถอย่างที่สุด เพราะการที่จะมาเป็นนั้นจะต้องสอบแข่งขันกับคนหลายคนเป็นอาชีพที่ถูกเรียกได้ว่ามีเกียรติมากที่สุดเลยก็ว่าได้

ลักษณะของงานที่ทำ

ตรวจสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมาและสิ่งต่างๆที่สามารถใช้ในกระบวนการพิจารณาคดีได้และสามารถ ที่จะออกหมายเรียกออกหมายศาลต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่ถูกต้องสงสัยว่ากระทำความผิดนั้นได้มาเพื่อที่จะได้ไต่สวน และจะได้หาข้อเท็จจริงในสิ่งที่น่าสงสัย รูปแบบของงานก็คือไต่สวนสิ่งต่างๆ เพื่อหาความจริงแต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความยุติธรรมการวินิจฉัยนั้น จำเป็นที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงแล้วถ้าสรุปได้ทั้งหมดแล้วก็จะใช้อำนาจของกฎหมายเพื่อลงโทษคนที่กระทำความผิดรวมถึงสล็อต ทั้งหมดนี้ก็เป็นรูปแบบการทำงานของผู้พิพากษาซึ่งไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็จะต้องผ่านผู้พิพากษาทั้งนั้น หรือออกหมายเรียกจะฟ้องหรือยกฟ้องทุกสิ่งจะขึ้นอยู่กับผู้พิพากษา เพราะเขาจะทำรวบรวมคดีทั้งหมดทำความเข้าใจและใช้กฎหมายเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง

ผู้พิพากษา

การทำงานของ ผู้พิพากษา

          ต้องบอกก่อนเลยว่าอาชีพผู้พิพากษานั้นการทำงานมันก็เหมือนมีห้องทำงานทั่วไป และเมื่อต้องเข้าสู่การทำงานหรือพิจารณาคดีความเพื่อตัดสินหาความยุติธรรมจะต้องไปนั่งอยู่บนแท่นบัลลังก์ปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษา เพื่อที่จะไปเป็นประธานในห้องเหมือนกับที่เราเห็นในหนังแบบนั้นเลยซึ่งการตัดสินคดีความพิพากษาต่างๆ จะมีการโยกย้ายอยู่เรื่อยๆคือผู้พิพากษาแต่ละคนนั้นจะปฏิบัติหน้าที่พิจารณาโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 ปี ในแต่ละจังหวัดแต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่พักเพราะในทุกๆ จังหวัดเขาจะมีสวัสดิการให้ก็คือมีบ้านพักผู้พิพากษาอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ตามสถานที่ต่างๆไม่ต้องกังวลเรื่องที่พักเลย

  • ผู้พิพากษา เป็นบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกโดยจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ทุกอย่างโดยจะต้องมีสัญชาติไทยและอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีจะต้องเป็นคนที่สอบผ่านตามกฎระเบียบและมีประสบการณ์การทำงานทางด้านเกี่ยวกับกฎหมายไม่ต่ำกว่า 2 ปีจากนั้นจะได้รับการแต่งตั้งเพื่อให้เป็นผู้ช่วยก่อน และการจะได้เป็นผู้พิพากษานั้นหลังจากนี้จะต้องเข้ารับการอบรมอย่างน้อย 1 ปีเพื่อที่จะได้ผ่านตามกฎเกณฑ์ที่เขาระบุไว้ซึ่งการจะเป็นได้จะต้องรอคำสั่งจากศาลตุลาการศาลยุติธรรม
  • ผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วมากกว่า 20 ปีแต่ผู้พิพากษานั้นก็มีอายุงานคือ 60 ปีขึ้นไปซึ่งถือว่าเป็นวัยเกษียณแล้วแต่ด้วยความที่มีการทำงานมายาวนานและจะมีการประเมินการทำงานถ้าในหน้าที่สามารถปฏิบัติงานและทำงานได้เป็นอย่างดีศาลตุลาการยุติธรรมจะแต่งตั้งเพื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาอาวุโสเมื่อมีการพิจารณาคดีจนอายุครบ 70 ปี
  • ผู้พิพากษาสมทบ ถ้าจะให้พูดให้ถูกแล้วเราก็ผู้พิพากษาสมทบนั้นก็คือคนภายนอกที่มีความชำนาญพิเศษหรือคนที่มีประสบการณ์ที่สามารถร่วมพิจารณาคดีพิพากษาสมทบซึ่งมันจะมีตำแหน่งที่แตกต่างจากผู้พิพากษาโดยสิ้นเชิงมันเป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งประจำเพราะผู้พิพากษานั้นหาผู้ช่วยที่มีความสามารถในด้านต่างๆเพื่อที่จะมาช่วยพิจารณาคดีต้องการผู้ที่มีความชำนาญพิเศษเพื่อนำมาช่วยในการพิพากษาจะได้ไม่มีปัญหา
  • ดะโต๊ะยุติธรรม เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยศาสนาอิสลามซึ่งใช้ในจังหวัดปัตตานีนราธิวาสสตูลยะลาซึ่งบัญญัติไว้ว่าศาสนาอิสลามครอบครัวสามารถใช้ในการพิจารณาคดีต่างๆที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามถ้าพูดกันตามหลักแล้วด่าประยุทธ์ที่ทำนั้นก็คือผู้ที่มีความชำนาญในด้านกฎหมายอิสลามและต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านศาสนาและกฎหมายจึงจะเป็นดะโต๊ะยุติธรรมได้

ความก้าวหน้าในอาชีพ

สำหรับผู้พิพากษาหลายๆ คนที่ได้ทำงานมานานแล้วจนมีความชำนาญและมีประสบการณ์ที่มากพอที่จะเลื่อนขั้น เพราะในสายงานอาชีพนี้สามารถมีตำแหน่งตามสายงานซึ่งก็มีระดับที่สูงขึ้นตำแหน่งบริหารข้าราชการตุลาการประธานศาลฎีกา ถึงจะมีเวลาว่างแต่ก็ไม่ควรที่จะหารายได้พิเศษโดยการที่ประกอบอาชีพอื่นไปด้วย เพราะมันอาจจะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือถึงจะเป็นอาชีพที่สุจริตก็ตามโดยกฎหมายแล้วเขาห้ามผู้พิพากษาทำ เพราะมันจะลดความน่าเชื่อถือได้ควรทำหน้าที่อย่างเดียว และเป็นกลางและให้ความเป็นธรรมแล้วต้องบอกก่อนเลยว่าอาชีพผู้พิพากษานั้น เป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้ได้สูงมากกว่าข้าราชการทั่วไป